แคสแซนด้านึกถึงคำสัตยวาจาที่นางให้ไว้กับพระสวามีในคืนเข้าหอ “ข้าไม่มีวันรักเจ้า เพราะใจข้าเป็นของแพนเทีย ..และจะเป็นของนางสืบไป”ไซรัสกล่าว “หม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ”แคสแซนดาเน่พยายามยิ้มออกมา “ต่อให้พระองค์ไม่มีวันรักหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันจะรักและซื่อสัตย์ต่อพระองค์เพียงผู้เดียว ..ตราบจนนิรันดร์กาล” “รักนิรันดร์ไม่มีจริง”เขาบอก “พระองค์ยังรักมั่นในตัวของหญิงนางนั้นได้ แล้วทำไมหม่อมฉันจะรักมั่นในพระองค์บ้างไม่ได้” “ ..”ไซรัสเถียงไม่ออก “พระองค์รักแพนเทียตามที่ใจพระองค์ปรารถนาเถิด ส่วนหม่อมฉันก็จะรักพระองค์ และจะไม่เรียกร้องสิ่งใด”แคสแซนดาเน่พร้อมจะยืนอยู่ในจุดของตัวเอง พร้อมจะอยู่ข้างเขา แม้เขาจะไม่มองมาก็ตาม “มีลูกให้ข้า นั่นคือหน้าที่ของเจ้า”ไซรัสบอก “เพคะ หม่อมฉันจะให้กำเนิดโอรสและธิดาแก่พระองค์” “เจ้าจะไม่เสียใจใช่ไหมที่เราแต่งงานกัน”เขายังไม่มั่นใจ “ไม่เพคะ”แคสแซนดาเน่ยิ้มให้ ไซรัสจึงค่อยๆ โน้มใบหน้าลงไปจูบกับนาง แคสแซนด้ามองพระสวามีที่กำลังเดินเข้ามาในเวลานี้ “หม่อมฉันได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนะเพคะ”นางมองไซรัสพร้อมน้ำตาที่ร่วงลงมา “หม่อมฉันเป็นแม่ของลูกๆ ของพระองค์ ให้กำเนิดโอรสและธิดาแก่พระองค์ ตามที่พระองค์ต้องการแล้ว”แคสแซนดาเน่พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ รู้สึกอ่อนแรง อ่อนล้า ร่างกายนางคงเหนื่อยเกินกว่าจะเดินทางต่อในโลกใบนี้ “หม่อมฉัน ทำตามคำสัตย์ที่ให้ไว้ในค่ำคืนแห่งการแต่งงานของเรา ครบถ้วนแล้วทุกประการ”แคสแซนดาเน่กล่าวด้วยน้ำเสียงล้าๆ “ข้ารู้”ไซรัสรับลูกมาหอมหน้าผากก่อนจะส่งให้นางกำนัล จากนั้นจึงหันกลับมายังผู้เป็นราชินี แล้วยื่นมือไปจับมือที่เย็นเฉียบของนาง เมื่อครู่นี้หมอหลวงได้บอกว่า พระราชินีเสียโลหิตจากการให้ประสูติไปมาก ร่างกายนางอาจจะรับไม่ไหว บางที นางอาจจะต้องจากพระองค์ไป “หม่อมฉันขอถาม..สักคำถาม ..ได้ไหม”แคสแซนดาเน่มองไซรัส “ถามมา”เขาอนุญาต “พระองค์ ..”นางมองสบตาผู้เป็นสวามี “รัก ..หม่อมฉัน ..บ้างไหม” “ ..”ไซรัสค่อยๆ หลบสายตา ไม่กล้ามองดวงตาคู่สวยนั้นที่มองมา “ ..”แค่เพียงได้เห็นท่าทีของพระสวามี นางก็พอจะคาดเดาคำตอบได้ แคสแซนด้าน้ำตาไหล ดวงหทัยแหลกสลาย แม้ร่างกายจะบอบช้ำ ก็ยังไม่เท่าดวงใจที่ทุกข์ระทม “ที่หม่อมฉันเคยให้คำมั่นว่า จะรักพระองค์จนตราบชั่วนิรันดร์”นางมองใบหน้าที่หล่อเหลาของพระสวามี ราวกับจะมองไว้ในความทรงจำสุดท้าย ไซรัสค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสบตาผู้เป็นราชินี “หม่อมฉัน ..ขอถอนคำ”แคสแซนดาเน่กล่าว “ ..”ดวงตาที่แดงก่ำของเขามองสบตานาง “หม่อมฉัน ..ไม่อยากจะทุกข์ทรมาน ..ชั่วนิรันดร์”แคสแซนดาเน่น้ำตาร่วง ทว่า ใบหน้าที่ซีดเซียวนั้นกลับพยายามยิ้มให้ช่วงสุดท้ายของชีวิต “แค่ที่ผ่านมา ..ก็ยาวนานพอแล้ว ..สำหรับหม่อมฉัน”นางละสายตาจากใบหน้าของพระสวามี แล้วค่อยๆ หันมามองตรง รอยยิ้มเหนื่อยๆ และน้ำตาหยดสุดท้ายร่วงหล่น สิ่งที่เห็นเบื้องหน้า คือแสงสว่าง ณ ปลายขอบฟ้า อาหุรามัสดา พระองค์ทรงเจิดจรัส โปรดตรัสกับวิญญาณที่กำลังจะล่องลอยสู่ห้วงนภา โอ้! พระบิดา โปรดรับลูกไว้ในอ้อมกอด โปรดประทานความรักและความอบอุ่นให้ดวงจิตที่หนาวเหน็บ เจ็บช้ำเพราะรัก โปรดประทานที่พักใจ ในที่ใดสักแห่ง เพื่อแบ่งปันความสุข โปรดปัดเป่าทุกข์จากดวงหทัยของวิญญาณที่กำลังจะยืนอยู่เบื้องหน้าของพระองค์ โอ้! อาหุรามัสดา โปรดเมตตา อย่าผลักไส ใจดวงนี้เหนื่อยล้า อ่อนแรง ขอพระองค์ทรงเป็นแสงส่องนำไป สู่ที่ที่ใจข้าจะได้พักพิง ขอให้ข้าได้แนบแอบอิงใกล้ ในความรักอันเป็นนิรันดร์ ทันใดนั้นเอง แคสแซนด้าสะดุ้งตกใจตื่นขณะที่ยังคงสะอื้นไห้ “ฝันเหรอ!”เธอแปลกใจ “แม้แต่ในความฝัน ..คุณก็ยังทำร้ายความรู้สึกฉัน”แคสแซนด้าไม่คิดเลยว่า เขาจะมีผลต่อใจเธอมากขนาดนี้ ทางด้านลัคมานเองก็กำลังฝันเช่นกัน และในความฝันนั้น เขากำลังอยู่กับผู้เป็นราชินีซึ่งกำลังจะสิ้นพระชนม์